Lerichcenter คลินิกเวชกรรม ศัลยกรรม ความงาม ครบวงจร

การปลูกผมถาวร (Hair Transplant) เป็นวิธีการแก้ไขปัญหาผมร่วงหรือศีรษะล้านที่ได้รับความนิยม โดยใช้เทคนิคทางการแพทย์เพื่อย้ายรากผมจากบริเวณที่มีผมหนา (เช่น ด้านหลังหรือด้านข้างของศีรษะ) ไปยังบริเวณที่มีผมน้อยหรือไม่มีผม วิธีนี้ช่วยให้ผมที่ย้ายมาเติบโตอย่างถาวร และมีลักษณะเป็นธรรมชาติ

ปลูกผมถาวร ได้ผลจริงไหม?

หลายคนที่เลือกวิธีรักษาอาการผมร่วง ผมบางด้วยการปลูกผมืถาวร ซึ่งเป็นการรักษาที่ได้ผลจริง สามารถช่วยให้คุณกลับมามีความมั่นใจ ไม่ว่าจะทำผมทรงอะไรก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเห็นหนังศีรษะ พร้อมทั้งทำให้ภาพลักษณ์ดีขึ้น แต่การปลูกผม ถาวรจำเป็นต้องรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ตรงกับความต้องการของผู้ที่เข้ารับการรักษา และผู้ที่เข้ารับการรักษาต้องมีความอดทน ใจเย็น เพราะการปลูกผมจะใช้เวลาค่อนข้างหลายเดือน

ผลลัพธ์ของการปลูกผม ถาวร

การปลูกผม ถาวรเป็นการย้ายกราฟผมที่แข็งแรง และสามารถเจริญเติบโตสร้างเส้นผมใหม่ได้ ไปปลูกยังบริเวณหนังศีรษะที่มีปัญหาผมบาง ศีรษะเถิก และศีรษะล้าน ซึ่งเมื่อกราฟผมที่ถูกปลูกใหม่สามารถปรับตัวและพ้นช่วงระยะเวลาพักฟื้นตัวแล้ว จะสามารถสร้างผมให้กลับมาได้อย่างปกติ

เทคนิคการปลูกผมที่นิยม

1. FUT (Follicular Unit Transplantation)

การตัดหนังศีรษะบางส่วนออกจากบริเวณที่มีผมหนา แล้วแยกรากผมออกเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ก่อนปลูกกลับเข้าไป

ข้อดีของเทคนิคปลูกผม FUT

  • เหมาะกับการปลูกผมที่ต้องการปริมาณกอผมจำนวนมาก เช่น ต้องการกอผมมากกว่า 3,000 กราฟท์
  • ตัวกราฟท์ผมที่ได้จากผ่าตัด FUT จะเป็นกราฟท์ที่ค่อนข้างสมบูรณ์
  • หลังจากปลูกผม บริเวณผมด้านหลังจะไม่ดูบางลง

ข้อจำกัดของเทคนิคปลูกผม FUT

  • ไม่เหมาะกับคนที่มีหนังศีรษะตึง เนื่องจากจะมีการเย็บแผลอาจจะทำให้แผลแยกได้ง่าย
  • หลังผ่าตัดจะมีแผลยาวที่ต้องคอยดูแลแผลและตัดไหม หลังจากแผลหายอาจจะมองเห็นเป็นเส้นแผลยาวที่ท้ายทอย
  • วิธีนี้ไม่เหมาะกับคนที่เป็นแผลเป็นนูนหรือคีลอยด์ง่าย

2. FUE (Follicular Unit Extraction)

ใช้เครื่องมือพิเศษดึงรากผมออกทีละเส้น แล้วปลูกกลับเข้าไปในบริเวณที่ต้องการ

ข้อดีของการปลูกผมถาวร ด้วยเทคนิค FUE Hair Transplant

  • ไม่มีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่

การปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผม เทคนิค FUE เป็นการใช้เครื่องเจาะนำกราฟต์ผมออกมา ซึ่งหัวเจาะนั้นมีขนาดเล็กมาก เมื่อเจาะเสร็จทันทีจะเห็นเพียงรอยแผลรูเล็ก ๆ ที่แทบมองไม่เห็นกระจายอยู่บริเวณท้ายทอย ซึ่งแผลเหล่านั้นจะหายไปเองตามธรรมชาติ ซึ่งใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 1 สัปดาห์

  • ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น

การปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผมเทคนิค FUE ไม่มีการผ่าตัดกรีดนำชิ้นหนังศีรษะไปคัดแยกรากผม เหมือนกับการปลูกผมถาวร เทคนิค FUT แบบดั้งเดิม คนไข้จึงรู้สึกเจ็บแผลด้านหลังน้อยกว่า และไม่ป็นแผลเป็นยาวด้านหลังศีรษะ

  • ระยะเวลาการหายของแผลเร็ว

ลดการอักเสบติดเชื้อบริเวณที่ทำการปลูกผม แผลหายไว ไม่มีผลข้างเคียง, หากทำตามการแนะนำของแพทย์ จะสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติ

3. DHI (Direct Hair Implantation)

ข้อดีของการปลูกผมแบบ DHI

  • มีความแม่นยำสูง การใช้ ปากกาปักกราฟผม (Implanter pen) ทำให้การปลูกผมมีความแม่นยำสูง และ ไม่เสี่ยงในการทำลายผมที่อยู่รอบข้าง
  • การฟื้นตัวเร็ว การปลูกผมแบบ DHI ทำให้ผู้ป่วยกลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้รวดเร็วเหมือน FUE หรือในบางเคสอาจพักฟื้นสั้นกว่า
  • ความเป็นธรรมชาติ ปลูกผมแบบ DHI ทำให้ผมดูเป็นธรรมชาติและมีความละเอียดสูง
  • ใช้เวลาทำน้อยกว่า การปลูกผมแบบ DHI ลดขั้นตอนในการเจาะรูเพื่อปลูกผม ดังนั้น เวลาและขั้นตอนในการทำนั้นจึงลดลง
  • อัตราการอยู่รอดของกราฟมากขึ้น เนื่องจากกราฟจะบาดเจ็บน้อยกว่าในขั้นตอนการนำกราฟลงไปในหนังศีรษะ

ข้อจำกัดของการปลูกผมแบบ DHI

  • ค่าใช้จ่ายสูง เนื่องด้วยการปลูกผมแบบ DHI ต้องใช้เครื่องมือเพิ่ม จึงอาจมีราคาที่ตามมาสูงกว่า
  • ความซับซ้อนของเทคนิค การปลูกผมแบบ DHI ต้องการแพทย์ผู้ชำนาญการณ์และมีประสบการณ์ ในการใช้เครื่องมือ Implanter pen รวมถึงทีมงานที่มีประสบการณ์ในการนำกราฟผมเข้าไปสู่ implanter pen

กระบวนการ

  • การประเมินสภาพผม

แพทย์จะตรวจวิเคราะห์ปัญหาและเลือกเทคนิคที่เหมาะสม

  • การปลูกผม

ขั้นตอนใช้เวลา 4-8 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับจำนวนรากผมที่ปลูก

  • การดูแลหลังการปลูกผม

หลีกเลี่ยงการสระผมและออกกำลังกายหนักในช่วง 7-14 วันแรก ใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์ดูแลผมตามคำแนะนำของแพทย์

การพักฟื้นหลังปลูกผม

ระยะเวลาพักฟื้น

การปลูกผมพักฟื้นไม่นาน เพราะศัลยกรรมปลูกผมถือว่าเป็นผ่าตัดเล็ก สำหรับเทคนิค FUE นั้นแผลจะมีขนาดเล็กกว่า 1 มม. ไม่เกิน 3 วันแผลจะเริ่มแห้งและหายสนิท คนไข้สามารถไปทำงานวันถัดไปได้เลย ในขณะที่เทคนิค FUT นั้นจะต้องมีการนัดให้คนไข้กลับมาตัดไหมในอีก 10 วันหลังผ่าตัดค่ะ

อาการหลังปลูกผม

การปลูกผมจะมีผลข้างเคียงเล็กน้อยมาก ซึ่งไม่ได้เป็นที่น่ากังวล ที่พบได้ทั่วไปก็มักจะเป็นอาการบวม อาการปวดเล็กน้อย รอยแดง ภาวะผมร่วงชั่วคราว (Shock Loss) หรือเส้นผมเปลี่ยนสี เป็นต้น อย่างไรก็ดี ภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้เป็นเรื่องชั่วคราวและสามารถหายได้เองเมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง

ทั้งนี้ การเลือกคลินิกปลูกผมที่มีมาตรฐานจะช่วยลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ได้ ในทางตรงกันข้าม หากเลือกผู้ให้บริการที่ไม่มีมาตรฐานหรือไม่มีประสบการณ์ ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน อย่างเลวร้ายที่สุดคือติดเชื้อรุนแรงจนเสียชีวิต ซึ่งเคยเกิดขึ้นแล้วที่ประเทศอินเดีย จะเห็นได้ว่าการเลือกคลินิกปลูกผมที่ดีจึงสำคัญมาก

การดูแลหลังปลูกผม

  • งดสระผมเองใน 24 ชั่วโมงแรกหลังปลูกผม
  • วันรุ่งขึ้นหลังปลูกผมเข้ามาสระผมที่คลินิกฯ เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยของแผล (เจ้าหน้าที่จะสอนวิธีการสระผมในวันนี้ให้ด้วย)
  • งดการแกะหรือดึงสะเก็ดออก สะเก็ดเหล่านี้จะเริ่มหลุดไปเองหลังจากวันที่ 15 เป็นต้นไป
  • งดออกกําลังกายที่มีการปะทะ ห้ามห้อยศีรษะลง ห้ามยกนํ้าหนัก หรือออกกําลังกายใดๆ จนเหงื่อออกมาก ยกเว้นการเดิน หลังจากปลูกผมครบ 14 วัน สามารถออกกำลังกายได้ตามปกติ ยกเว้นว่ายนํ้าและซาวน่าที่ต้องรอจนครบ 30 วันก่อน
  • หากต้องการยืดผม ย้อมผม ดัดผม แนะนําให้ทําหลังปลูกผมไปแล้ว 2 เดือน
  • หลีกเลี่ยงการตากแดดนานๆ จนผิวไหม้เป็นเวลา 3 เดือน แนะนําให้สวมหมวกเมื่อต้องอยู่กลางแจ้งนานกว่า 10 นาที lerichcenter

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

en_USEnglish